เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรเติบโต 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.1% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้การกลับมาของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในปีนี้ ตัวเลขเดือนต่อเดือนสอดคล้องกับการคาดการณ์ในการสำรวจของรอยเตอร์ เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ลดลง 0.2% เศรษฐกิจหดตัวในไตรมาสที่สามและสี่ของปี 2566 ส่งผลให้สหราชอาณาจักรเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค เดือนมกราคมมีการเติบโตเล็กน้อยซึ่งได้รับการแก้ไขเพิ่มขึ้นเป็น 0.3% ในวันศุกร์
ผลผลิตการก่อสร้างซึ่งเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญของการเติบโตในเศรษฐกิจ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญลง 1.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน ผลผลิตการผลิตกลับกลายเป็นส่วนสำคัญที่สุดใน GDP โดยเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่การเติบโตของภาคบริการที่เป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร มีการชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 0.1% จากเดือนก่อนหน้าที่เป็น 0.3% การลดลงของการผลิตและการก่อสร้างในช่วงต้นปีนี้ มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
โดยทำให้ภาพรวมของ GDP ลดลงและมีการปรับลดการเติบโตในภาคบริการ ในการจัดการเศรษฐกิจในช่วงต้นปีนี้ นโยบายทางเศรษฐกิจจะเป็นสำคัญในการเพิ่มการลงทุนในการผลิตและการก่อสร้าง เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ การสร้างโอกาสให้กับภาคบริการให้มีโอกาสเติบโตและพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการสร้างภาพลักษณ์เศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต
เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรเติบโต นับเป็นสัญญาณบ่งชี้การกลับมาของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในปีนี้
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในเดือนมีนาคมเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมาก โดยเฉพาะเรื่องอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ของโลก ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของประเทศอังกฤษลดลงอย่างเหนือชั้น โดยมีการลดลงไปถึงระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองปีครึ่งที่ 3.4% เป็นที่น่าสังเกตในภาวะที่โลกมีเป็นโลกมีการจำกัดกำลังซื้อที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการปรับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกอย่างชัดเจน
ในขณะที่อังกฤษกำลังเผชิญกับการลดลงของอัตราเงินเฟ้อ สหรัฐอเมริกากลับได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นเลขที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นถึงระดับ 3.5% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีความแน่นอนต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนจนถึงเดือนกันยายน สิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษในเดือนมีนาคมนี้ ส่งผลต่อตลาดการเงินอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการลดอัตราดอกเบี้ย
ที่ตลาดกำลังให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตในช่วงเวลาต่างๆ และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนและการลงทุนในภาพรวมของตลาด การเปลี่ยนแปลงในสกุลเงินมีผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจในทุกๆ ประเทศ การเริ่มดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐอาจส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน และการเปลี่ยนแปลงในราคาของสินค้าและบริการ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ และท้าทายที่ต้องแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าของแต่ละประเทศ
โดย ufa877
o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o